วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

บัวลอยไข่หวาน


ส่วนผสม
แป้งข้าวเหนียว
50 กรัม
น้ำเปล่า (สำหรับผสมตัวแป้ง)
1 ช้อนโต๊ะ
น้ำคั้นใบเตย
1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย
250 กรัม
น้ำเปล่า
1 ถ้วยตวง
หัวกะทิคั้นข้นๆ
1/2 ถ้วยตวง
เกลือป่น
1/4 ถ้วยตวง
ไข่ไก่
3 ฟองวิธีทำ1. ผสมน้ำเปล่ากับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ใส่กระทะตั้งไฟพอเดือด จนส่วนผสมเป็นน้ำเชื่อมข้นๆ เบาไฟอ่อนๆ รอจนน้ำเชื่อมเป็นยางมะตูมอ่อนๆ เบาไฟอ่อน 2. ผสมแป้งข้าวเหนีว 25 กรัมกับน้ำเปล่า และผสมแป้งที่เหลือกับน้ำคั้นใบเตย นวดจนเนียน ปั้นเป็นเม็ดกลมเล็ก ใส่ก้อนแป้งลงต้มจนแป้งสุกใสและลอยขึ้น ตอกไข่ไก่ลงไปต้มในน้ำเชื่อม จนไข่สุกลอยขึ้น3. ตั้งกะทิให้เดือด ใส่เกลือป่นคนจนละลาย4. ตักบัวลอยใส่ถ้วย ตักน้ำกะทิราดข้างบน จัดเสิร์ฟถ้าอยากมีลูกบัวลอยสีอื่นๆก็ใช้น้ำคั้นจากผัก-ผลไม้ที่มีสีสันก็ได้นะคะ

สาคูเปียกลูกแปะก้วย


ส่วนผสมสาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวงลูกแปะก๊วยต้มพอสุก 1/2 ถ้วยตวงน้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวงน้ำเปล่า 3 ถ้วยตวงวิธีทำ1. นำสาคูไปเลือกเอาผงออก สงให้สะเด็ดน้ำ แล้วพักไว้2. ต้มแปะก๊วยให้พอสุกนิ่ม พักไว้3. ผสมน้ำตาลทราย กับน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง ตั้งไฟให้เดือด ยกลงกรอง ยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยวสักครู่ ใส่แปะก๊วย พอเดือดสักครู่ ยกลง4. ต้มน้ำเปล่าที่เหลืออีก 2 ถ้วยตวง จนเดือด เทสาคูลง คนให้ทั่ว ทิ้งไว้สักครู่ จนสาคูสุกและใส5. ใส่แปะก๊วยที่เชื่อมไว้ ลงไปพร้อมน้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน6. ถ้าไม่หวานพอให้ใช้น้ำตาล ทำเป็นน้ำเชื่อมเติม ถ้าสาคูข้นขึ้น ให้เติมน้ำร้อนลงไป เพราะเวลาที่สาคูเย็น จะแห้งและข้นขึ้น

ผลไม้ลอยแก้ว


1. ลองหลับตานึกถึงภาพผลไม้หลากสีหลายรส ทั้งเปรี้ยวจี๊ดหวานจัด มีกลิ่นหอม หั่นชิ้นสวยๆมาวางจัดใส่จานแก้วใสๆ เติมน้ำแข็งบดลงไปอีกสักนิด พอน้ำแข็งเริ่มละลายผสมกับน้ำเชื่อมกลิ่นส้ม คุณว่าอร่อยขนาดไหน ว่าแล้วก็รวบรวมผลไม้ในใจคุณก่อนเลย จากนั้นเคี่ยวน้ำเชื่อมด้วยน้ำตาลทรายขาว น้ำส้มซันคิสต์ (จากผลส้มสดสัก 2 ลูก) ขูดเอาผิวลงผสมด้วยเล็กน้อยพอแค่ได้กลิ่น มากเกินไปจะขม2. ปอกหั่นตัดแต่งผลไม้ให้สวย แต่อย่าลืมว่าผลไม้ที่จะนำมาเชื่อมลอยแก้วนั้นไม่ควรสุกมากเพราะเนื้อจะเละเวลาเชื่อม เตรียมผลไม้ที่สุกง่ายไว้หลังสุด นำหม้อน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ขึ้นตั้งบนเตา ใช้ความร้อนปานกลาง พอน้ำเชื่อมเริ่มเดือดปุด เติมน้ำส้มสดพร้อมผิวส้มและเกลือป่น ชิมรสดูหวานมากไปให้เติมน้ำมะนาวได้เล็กน้อย3. เมื่อน้ำเชื่อมเดือดดีแล้วค่อยๆใส่ผลไม้ที่เตรียมไว้ลงเชื่อมทีละชนิด แค่ผลไม้สุกเป็นพอ ปิดไฟ ฉีกใบสะระแหน่โรยใส่ พักให้เย็น ระหว่างพักจนความร้อนค่อยๆเย็นลงนั้น ผลไม้ที่เชื่อมจะยังสุกต่อไป ตอนเชื่อมจึงต้องระวังอย่าให้ผลไม้สุกมากไปเพราะเมื่อเนื้อผลไม้เย็นก็จะเละเทะไม่น่าดู ไม่น่าทาน จากนั้นตักใส่จาน โรยน้ำแข็งบด พร้อมเสิร์ฟได้เลย

ซ่าหริ่ม


ส่วนผสมตัวซ่าหริ่ม (สีขาว)แป้งถั่วเขียว 1/2 ถ้วยตวงน้ำลอยดอกมะลิ 3 ถ้วยตวงวิธีทำตัวซ่าหริ่ม1. ผสมแป้งถั่วเขียวกับน้ำ คนจนแป้งละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่กระทะทองเหลือง นำไปตั้งไฟกวนจนแป้งสุกและใส ยกลงจากเตา2. ตักแป้งที่กวนแล้ว ใส่ที่กดซ่าหริ่ม ค่อยๆกดลงในถังน้ำเย็นแล้วเปลี่ยนน้ำประมาณ 2-3 ครั้ง เทใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ ห่อด้วยผ้าขาวบางแยกเป็นสีๆหมายเหตุถ้าทำสีอื่น เช่น สีชมพู ให้ใส่สีผสมลงในแป้ง หรือสีเขียวใช้น้ำใบเตยแทนน้ำลอยดอกมะลิส่วนผสมน้ำกะทิน้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวงน้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วยตวงกะทิ 1 ถ้วยตวงวิธีทำผสมน้ำตาลทรายกับน้ำลอยดอกมะลิ นำไปตั้งไฟคนจนน้ำตาลทรายละลาย นำกลับไปตั้งไฟใหม่จนเดือดทั่วและน้ำเชื่อมข้น ใส่กะทิลงไปคอยคนอย่าให้กะทิเป็นลูก พอเดือดทั่ว ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น เวลาจะรับประทานตักขนมใส่ถ้วย ใส่น้ำกะทิและน้ำแข็งทุบละเอียด
เรื่องนี้มีผู้อ่าน 26,243 คน มีผู้ตอบ 78 คน

หยกมณี


ส่วนผสม
สาคูเม็ดเล็ก
1 ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว
2 ถ้วย
เกลือป่น
1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย
1 1/2 ถ้วย
แป้งมัน
3 ช้อนโต๊ะ
น้ำ
2 ถ้วย
น้ำใบเตยข้นๆ
1/2 ถ้วยวิธีทำ1. ล้างสาคูให้หมดเศษผง ใส่ชามพักไว้2. เคล้ามะพร้าวขูดกับเกลือเข้าด้วยกัน นึ่งพอร้อน พักไว้สำหรับโรยหน้า3. ต้มน้ำให้เดือด เทใส่ชามสาคู ใส่น้ำตาล แป้งมัน คนให้เข้ากัน ใส่น้ำใบเตย คนให้ทั่วอีกครั้ง4. ตักใส่ถ้วยอะลูมินั่มฟอยล์ เรียงใส่ลังถึง นึ่งในน้ำเดือดไฟแรง ประมาณ 10 นาทีหรือจนสุก โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดที่เตรียมไว้ เสิร์ฟ

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ขนมไข่หงส์



เครื่องปรุง ตัวเปลือก เผือกนึ่งสุกยีละเอียด 1/2 ถ้วยตวง แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วยตวง น้ำกะทิคั้นข้น 1/4 ถ้วยตวง น้ำมันสำหรับทอด ไส้ขนม ถั่วเขียวซีกนึ่งสุกบดละเอียด 2 ถ้วยตวง รากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลกละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ หอมแดงเจียวเหลือง 1/4 ถ้วยตวง เกลือ น้ำตาล สำหรับปรุงรส น้ำมันสำหรับผัดน้ำสำหรับเคลือบน้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวงวิธีทำ1. นวดเผือก แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า หัวกะทิเข้าด้วยกันจนนุ่มมือ อย่าให้เปียกหรือแห้งมากเกินไป ถ้าเปียกเวลาปั้นให้แตะแป้งแห้งเป็นนวล2. กระทะตั้งไฟใส่น้ำมัน 1-2 ช้อนโต๊ะ นำรากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลกลงผัดจนหอม ใส่ถั่วบดลงผัด ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ และพริกไทยป่น ชิมให้รสจัด ใส่หอมเจียวผัดให้แห้ง ปั้นได้ ทิ้งไว้พออุ่น ปั้นเป็นลูกกลมประมาณหัวนิ้วมือ พักไว้3. นำแป้งที่นวดไว้มาแผ่เป็นแผ่นกลมหุ้มไส้ถั่วที่ปั้นไว้ให้มิด คลึงเบาๆให้กลม นำไปทอดให้เหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน ทิ้งไว้ให้เย็น4. กระทะที่ทอดขนมไว้ เทน้ำมันออก ตั้งไฟ ใส่น้ำตาลลงไป เติมน้ำเล็กน้อย ใช้ไฟอ่อน ผัดสักครู่จนน้ำตาลละลายหมดและเหนียว นำขนมที่ทอดสุกแล้วลงผัดให้น้ำตาลจับกับขนม ตักขึ้นทิ้งไว้ให้เย็น น้ำตาลจะตกผลึกจับกับขนม

เพื่อนๆไปดูการเลี้งปลากัน...ไหม http://pong-bom.blogspot.com

ขนมโสมนัส


ส่วนผสม

ไข่ไก่ 2 ฟอง
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายละเอียด 1 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ใส่มะพร้าวที่ ขูดไว้ลงในถาด เกลี่ยให้บางเสมอกัน นำไปอบที่อุณหภูมิ 200 องศา จนมะพร้าวแห้งกรอบ นำออกจากถาดปล่อยพักไว้ให้เย็น
ตีไข่ขาวให้ขึ้นจนไข่ตั้งยอด แล้วใส่น้ำตาลทีละน้อย เมื่อน้ำตาลหมดใส่เกลือตีต่อไปจนไข่ตั้งยอดอีกครั้ง
เทมะพร้าวที่อบแห้งแล้วลงในไข่เคล้าเบาๆให้เข้ากัน
ตักขนมที่ผสมกันเรียบร้อยแล้วเป็นก้อนกลม วางลงบนถาดที่ทาน้ำมันไว้บางๆ นำเข้าอบที่อุณหภูม 250 องศา จนขนมแห้งกรอบดี แซะออกจากถาดผึ่งไว้ให้เย็น

ไปดูการเเกะสลักกันไหมครับ http://ple-doraemon.blogspot.com/
หรือเพื่อนๆ จะไปดูบล็อกที่น่าสนใจต่อไปนี้ค่ะ
บล็อกการเลี้ยงปลาของบอม http://pong-bom.blogspot.com/
บล็อการเลี้ยงปลาของปอง http://pong-fish.blogspot.com/
บล็อกการประดิษฐ์ดอกไม้ของเบ้า http://sudarat-flower.blogspot.com/
บล็อกการเลี้ยงปลากัดของอ๊อบ http://of-fish.blogspot.com/
บล็อกดอกไม้ไทยของดุ๋ย http://duy-flower.blogspot.com/
บล็อกการแกะสลักของเปิ้ล http://ple-doraemon.blogspot.com/
ขอให้เพื่อนๆ หรือผุ้สนใจคลิกชมตามสบายค่ะ แล้วเราจะมีบทความดีๆ ออกมาเสนอเรื่อยๆ ค่ะ
จากมันสมองอันชาญฉลาดของนักเรียน ป.5-6 โรงเรียนบ้านทองหลางค่ะ อิอิ

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดงา





ส่วนผสม
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 300 กรัม
เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
งาคั่ว 1/2 ถ้วยตวง
น้ำ 1/4 ถ้วยตวง
วิธีทำ
น้ำมันพืชใส่กรทะตั้งไฟอ่อนๆ ใส่เมล็ดมะม่วงลงทอดให้สุกเหลือง ตักขึ้น ใส่เนยลงคลุกให้ทั่ว
ผสมน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน ตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวให้เหนียว พอน้ำตาลเริ่มเป็นยางมะตูม ใส่งาคั่วคนให้เข้ากัน
ใส่เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ทอดแล้วลงคลุกกับส่วนผสม กวนเบาๆ ด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลแห้งและงาจับติดกับเมล็ดมะม่วง พักไว้ให้เย็น

วุ้นน้ำเชื่อม



ส่วนผสม
ผงวุ้น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำดอกไม้ 3 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย
น้ำหวานเขียว,แดง
วิธีทำ
ละลายผงวุ้นกับน้ำดอกไม้ให้เข้ากัน แล้วตั้งไฟอ่อนๆ ให้เดือด
ใส่น้ำตาลทรายหมั่นคนจนเดือด แบ่งออกเป็น 2 ส่วนเพื่อใส่น้ำหวานที่เตรียมไว้ แล้วนำไปตั้งไฟอีกครั้งพอเดือดยกลงพักไว้ให้พออุ่น
เตรียมพิมพ์หรือถาดแล้วใส่วุ้นให้เต็มปล่อยไว้ให้เย็นหรือนำเข้าตู้เย็นเวลาจะเสริฟจึงแคะออกจากพิมพ์

ไข่แมงดา

ส่วนผสม
ไข่เป็ด 5 ฟอง
ไข่ไก่ 5 ฟอง
แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกไม้ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
ต่อยไข่แยกเอาเฉพาะไข่แดง คนไข่แดงให้เข้ากันตีให้ขึ้นฟู
ผสมน้ำตาลทรายและน้ำลอยดอกไม้เข้าด้วยกันในกระทะทอง เคี่ยวให้น้ำเชื่อมข้น
เมื่อตีไขฟูดีแล้วใส่แป้งข้าวเจ้าลงคนให้ทั่วเร็วๆ
ใช้กรวยใบตองสำหรับหยอดไข่แมงดา โดยตัดปลายให้กว้างกว่าที่ใช้ทฝอยทอง ตักไข่ใส่ในกรวยแล้วหยดลงในน้ำเชื่อม ที่กำลังเดือด ต้มต่ออีกประมาณ 2 นาที ตักขึ้นใส่ภาชนะ

ลูกชุบ



ส่วนผสม
ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1 1/3 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
วุ้นผง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
แช่ถั่วเขียวประมาณ 1-2 ชั่วโมง นึ่งให้สุกนุ่ม แล้วบดให้ละเอียด
หัวกะทิตั้งไฟอ่อนๆ ใส่นำตาลทรายลงเคี่ยวให้นำตาลละลายหมด ใส่ถั่วลงกวนกับกะทิตั้งไฟอ่อนๆ กวนให้แห้งจนถั่วล่อนออกจากกระทะ
เทถั่วที่กวนได้ที่แล้วลงในถาดหรือชามพักไว้ให้เย็น
ปั้นถั่วเป็นรูปผลไม้เล็กๆ ตามต้องการ แล้วระบายสีผลไม้ที่ปั้นไว้ให้เหมือนจริงพักไว้ให้สีแห้ง
ผสมผงวุ้นกับน้ำเปล่าใส่หม้อตั้งไฟอ่อนๆ จนวุ้นละลายหมดยกลง วางพักไว้สักครู่
นำผลไม้ที่ระบายสีไว้ ชุบวุ้นให้ทั่ว พักไว้ให้แห้งแล้วชุบอีก 2 ครั้ง ปล่อยให้แห้งจึงนำไปตกแต่งให้สวยงาม

ขนมทองหยอด



ส่วนผสม
วิธีทำ
1. ไข่เป็ด 30 ฟอง2. น้ำเชื่อม ใช้น้ำตาลทราย 2 1/2 กิโลกรัม3. น้ำลอยดอกมะลิ 8 ถ้วยตวง 4. แป้งทองหยอด 1 1/2 ถ้วยตวง
1. ผสมน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิ ตั้งไฟเคี่ยวให้ข้น ยกลงกรองแล้วตั้งไฟ เคี่ยวต่อ แบ่งน้ำเชื่อมใส่อ่างไว้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือตั้งไฟให้เดือด2. ตอกไข่ แยกไข่ขาวไข่แดง นำไข่แดงใส่ผ้าขาวบาง รีดเยื่อไข่ออกใส่อ่าง ตีให้ขึ้นประมาณ 10 นาที3. ตักไข่ที่ตีขึ้นแล้วประมาณ 6 ช้อนโต๊ะ ใส่แป้งทองหยอด 3 ช้อนโต๊ะ ผสมพอเข้ากัน อย่าให้เหนียว แช่ขนมที่สุกแล้วในน้ำเชื่อมที่แบ่งไว้ เพื่อให้ขนมฉ่ำไม่ด้าน หรือตีไข่ให้ขึ้นมาก ๆ ผสมแป้งลงคนให้เข้ากัน นำไปหยอดในน้ำเชื่อม

ขนมครก



ส่วนผสม
วิธีทำ
เครื่องปรุงตัวแป้ง1.แป้งข้าวเจ้า (แห้ง) 1 ถ้วยตวง2.น้ำ 2 ถ้วยตวง3. ข้าวสุก 1/3 ถ้วยตวง4. มะพร้าวทึนทึกขูดขาว 1/2 ถ้วยตวง5. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา6.น้ำร้อน 1/2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุง หน้ากะทิ1.หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง3. เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
เครื่องใช้เฉพาะเตาขนมครก ลูกประคบ (กากมะพร้าวห่อ ด้วยผ้า ขาว โดยใช้ผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด 6x6 นิ้ว )

1.ใส่กากมะพร้าวตรงกลางรวบ ชายผ้าเข้า มาทุกด้าน2. ผูกเชือกให้กาก มะพร้าวรวมตัว เป็นก้อนกลมแผ่น ทิ้งชายไว้สำหรับ จับช้อน สำหรับแคะขนมครก น้ำมัน สำหรับทาเบ้าขนมครก3. ตวงแป้ง 1 ถ้วยตวงใส่ชามผสม เติมน้ำ 1 ถ้วยตวง คนให้เข้ากัน แล้ว แช่ไว้ 12 ชั่วโมง หรือค้างคืน4. บดข้าวสุก 1/3 ถ้วยตวง มะพร้าวขูด ถ้วยตวง พร้อมน้ำอีก 1 ถ้วยตวง5. ใส่เบลนเดอร์จนละเอียดดี หรือโม่ด้วยโม่หินก็ได้6. เทมะพร้าวและข้าวสุกที่บดแล้วลงในชามแป้งที่แช่ไว้ เติมเกลือป่น คนให้เข้ากันดี ใช้เป็นตัวแป้งขนมครก7. ผสมกะทิ น้ำตาล และเกลือด้วยกัน คนให้น้ำตาลละลายตั้งเตาขนมครก บนไฟอ่อน ๆ ให้ร้อนจัด จึงใช้ลูกประคบ แตะน้ำมันพืชเช็ดเบ้า ขนมครกทุกเบ้าให้ชุ่มน้ำมัน ตักแป้งหยอดลงในเบ้าประมาณค่อนเบ้า รอสักครู่จึงหยอดหน้ากะทิลงประมาณ 1/2 ช้อนโต๊ะ ปิดฝารอจน ขอบแป้งเกรียมเหลือง จึงใช้ช้อนแซะขึ้นใส่ถาด

ขนมหม้อตาล



ส่วนผสม แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง ไข่แดง 2 ฟอง น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด 3 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำตาลไอซิ่ง 1 ถ้วยตวง น้ำเย็น 2 ช้อนโต๊ะ สีผสมอาหาร วิธีทำ 1. นวดแป้งสาลีกับน้ำมันพืชให้เข้ากันใส่ไข่แดงลงนวดทีละฟอง ใส่เกลือป่น น้ำทีละน้อยนวดจนแป้งเนียนนุ่ม ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดๆพักไว้ประมาณ10 นาที 2. แบ่วแป้งทีละน้อย กดลงในพิมพ์หม้อตาลหรือพิมพ์ต่างๆตามต้องกา ใส่ถาดนำเข้าอบไฟกลางๆ จนแป้งสุกเหลือง เอาออกจากเตาปล่อยไว้ให้เย็น 3. ใส่สีผสมอาหารลงในน้ำเย็น คนให้เข้ากัน ใส่ลงในชามน้ำตาลไอซิ่ง คนแรงๆให้น้ำตาลละลาย แล้วตักหยอดในหม้อที่อบเตรียมไว้ให้สวยงามพักไว้ให้น้ำตาลแข็งตัวจึงจัดใส่ภาชนะ

ขนมดอกไม้



ส่วนผสม แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง ไข่แดง 2 ฟอง น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 2 ถ้วยตวง น้ำดอกไม้ 1 ถ้วยตวง วิธีทำ 1. นวดแป้งสาลีกับน้ำมันพืชให้เข้ากัน ใส่ไข่แดงลงนวดทีละฟองจนแห้งเนียนนิ่ม ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดๆคลุมพักไว้ประมาณ 10-15 นาที 2. แบ่งแป้งทีละน้อยลงในพิมพ์กระเช้า ใส่ถาดนำเข้าอบไฟกลางจนแป้งสุกยกลงพักไว้ให้เย็น 3. ผสมน้ำตาลทรายน้ำลอยดอกไม้ ตั้งไฟอ่อนๆเคี่ยวจนน้ำตาลละลายเหนียงเป็นยางมะตูมใส่มะพร้าวลงคลุกกับน้ำเชื่อมให้ทั่วกันจนน้ำเชื่อมแห้ง 4. ตักมะพร้าวใส่ลงในกระเช้าจัดให้สวยงาม แล้ววางผึ่งลมให้แห้งจึงจัดใส่ภาชนะ

เพื่อนๆ ไปดูปลากัดกันไหมคะ คลิกเลยค่ะ http://of-fish.blogspot.com/

กระเช้าสีดา


ส่วนผสม ส่วนผสม แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง ไข่แดง 2 ฟอง น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 2 ถ้วยตวง น้ำดอกไม้ 1 ถ้วยตวง วิธีทำ 1. นวดแป้งสาลีกับน้ำมันพืชให้เข้ากัน ใส่ไข่แดงลงนวดทีละฟองจนแห้งเนียนนิ่ม ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดๆคลุมพักไว้ประมาณ 10-15 นาที 2. แบ่งแป้งทีละน้อยลงในพิมพ์กระเช้า ใส่ถาดนำเข้าอบไฟกลางจนแป้งสุกยกลงพักไว้ให้เย็น 3. ผสมน้ำตาลทรายน้ำลอยดอกไม้ ตั้งไฟอ่อนๆเคี่ยวจนน้ำตาลละลายเหนียงเป็นยางมะตูมใส่มะพร้าวลงคลุกกับน้ำเชื่อมให้ทั่วกันจนน้ำเชื่อมแห้ง 4. ตักมะพร้าวใส่ลงในกระเช้าจัดให้สวยงาม แล้ววางผึ่งลมให้แห้งจึงจัดใส่ภาชนะ

ขนมชั้น



ส่วนผสม แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วยตวง แป้งท้าวยายม่อม 1/1 ช้อนโต๊ะ แป้งมัน 1/2 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง น้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วยตวง น้ำใบเตย 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ 1. ร่อนแป้งทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกัน 2. นวดแป้งกับหัวกะทิทีละน้อย นวดจนแป้งนุ่ม เหนียว พักไว้ 3. ผสมน้ำลอยดอกไม้ น้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน ตั้งไฟให้เดือด ยกลงพักไว้ 4. แบ่งส่วนผสมของแป้งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งใส่น้ำใบเตยนวดให้เข้ากันอีกส่วนหนึ่งไม่ต้องใส่ให้เป็นแป้งสีขาว 5. นึ่งพิมพ์ขนมให้ร้อน ตักขนมหยอดทีละชั้น นึ่งให้สุกแล้วจึงหยอดชั้นต่อไป หยอดสลับสีกันจนหมด 6 .เมื่อนึ่งขนมชั้นบนสุดสุกดีแล้ว ยกลงปล่อยไว้ให้เย็น แล้วตัดตามต้องการ

ฝอยทองกรอบ


ส่วนผสม เส้นฝอยทอง 1 ถ้วยตวง น้ำเชื่อมอย่างข้น 1 ถ้วยตวงวิธีทำ 1. ใส่น้ำเชื่อมลงในกระทะทองตั้งไฟให้เดือด 2. ยีเส้นฝอยทองให้กระจายตัวดีแล้วใส่ลงไปในน้ำเชื่อม คลุกเคล้าให้น้ำเชื่อมจับเส้นให้ทั่วจนน้ำเชื่อมแห้งยกกะทะลง 3.ใช้ช้อนตักฝอยทองให้เป็นก้อนกลมเล็ก ๆ ขนาดพอคำวางเรียงไว้บนตะแกง วางฝึ่งลมให้แห้งตามต้องการ แล้วจึงจัดใส่ภาชนะ